Loading ...

ภาพประกอบจาก http://learners.in.th/file/putaiwan/list

 

...ครูที่เป็นข้าราชการได้รับเงินเดือนตามอัตราข้าราชการเช่นเดียวกับข้าราชการทั่วไป ...มีสวัสดิการของการเป็นข้าราชการตามกฎหมาย ...แต่ครูกลับมีข่าวว่ามีปัญหาหนี้สินมาก หรือเป็นเพราะมีข้าราชการครูจำนวนมาก หรือ ครูใช้จ่ายมากเกินรายได้ หรือ ครูได้เฉพาะเงินเดือนไม่มีรายได้พิเศษจากการทำงานเป็นครูเหมือนข้าราชการอื่นๆ หรือ คำตอบทั้งหมดถูกต้อง...แล้วครูควรมีบัญชีเงินเดือนโดยเฉพาะหรือไม่...

อาชีพครูในสังคมไทย


"ครู" เป็นอาชีพหนึ่งในสังคมไทยที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "พ่อพิมพ์/แม่พิมพ์ของชาติ" "พ่อ/แม่คนที่สอง" "ผู้ให้อนาคต" และให้เป็น "เรือจ้าง" ด้วยเช่นกัน การยกย่องให้เป็น "คุณครู" ในสังคมไทยเป็นความภูมิใจของคนเป็นครู แต่ศักดิ์ศรีและความภูมิใจของความเป็นครูลดลงและตกต่ำมาเป็นลำดับตั้งแต่วิทยาลัยครูเริ่มเปิดรับนักศึกษาครูภาคค่ำและเร่งรัดผลิตครูออกมาจำนวนมากเมื่อประมาณเกือบ 40 ปี เป็นต้นมาโดยทำการผลิตทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ คนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรดีก็จะไปเรียนครูเพราะมีโอกาสได้เรียนและได้งานมากกว่า จึงได้คนส่วนหนึ่งที่ไม่เก่ง รสนิยมไม่ดี ไม่รักอาชีพครูแต่ต้องมาเป็นครู คนรุ่นใหม่เลยไม่ต้องการเป็นครูเพราะครูมีแต่ภาพของความยากจน ท่าทางเชยๆ ไม่ทันสมัย รสนิยมไม่ดี ทำงานหนัก อยูในที่ห่างไกลความเจริญ ภาพของ "ครูบ้านนอก" จึงเป็นตัวแทนของความเป็นครูที่ไม่มีอำนาจบารมี หรือพระเดช มีแต่พระคุณบ้างเล็กๆ น้อย กับเด็กเล็กๆ และในอดีตที่ผ่านครูก็เป็นฐานอำนาจทางการเมือง ถูกจับเปลี่ยนสถานภาพและสังกัดหลายครั้งหลายหนมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่หลุดพ้นจากการเป็นฐานอำนาจของการเมือง

"ครู" ที่กล่าวถึงในที่นี้หมายถึง "ข้าราชการครู" ที่ทำการสอนในโรงเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การพัฒนาครูโดยการจัดองค์กรการบริหารใหม่ มีการกระจายอำนาจ เพิ่มวิทยฐานะ เพิ่มคุณวุฒิ ซึ่งผลที่ได้คือ มีครูและบุคลากรการศึกษาที่มีตำแหน่งราชการสูงขึ้น หรือ ซี สูงขึ้น การมีรายได้เพิ่มขึ้นจากคุณวุฒิที่สูงขึ้น กำหนดตำแหน่งให้สูงขึ้น (เช่น โรงเรียนมีนักเรียนไม่ถึง 100 คน มีครูไม่ถึง 10 คน แต่มีผู้อำนวยการระดับ 9) หรือ การที่ครูมีวิทยฐานะที่สูงขึ้นนั้น นักบริหารการศึกษาเมืองไทยคิดว่าเป็นหนทางของการยกฐานะวิชาชีพครู ให้ครูมีรายได้เหมาะสมกับการเป็นครู มีชีวิตความเป็นอยู่สมฐานะของครูที่ลูกศิษย์จะให้ความเคารพนับถือหรือยกมือไหว้ด้วยความสนิทใจ และนอกจากนั้นยังมีแนวความคิดแยกเงินเดือนครูออกจากเงินเดือนข้าราชการอื่นๆ เหมือนกับข้าราชการกลุ่มพิเศษบางกลุ่มที่มีบัญชีหรืออัตราเงินเดือนโดยเฉพาะ เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับอาชีพนั้นมากกว่าอาชีพอื่น เพราะอาจมีผลต่อการทำงานและการอยู่รอดของรัฐบาลได้ ส่วนครูเป็นอาชีพสุดท้ายที่รัฐบาลจะให้ความสนใจ เพราะมีจำนวนมาก ต้องใช้เงินมาก และการมีครูที่ไม่มีคุณภาพหรือสกัดกั้นความเจริญของครูสักระยะหนึ่งก็ไม่เห็นผลอะไรอย่างทันที เพราะผลนั้นจะเกิดขึ้นระยะยาว...ยาวมากจนคนที่กำหนดนโยบายนั้นอาจไม่มีชีวิตรอดูผลด้วยซ้ำ

ตัวอย่างปัญหา(เบาๆ) จากผลของนโยบายการศึกษาในอดีต

ปัญหาแรกคือ ในอดีตมีการรับนักศึกษาครูจำนวนมากโดยรับคนที่ไม่มีคุณภาพและใจรักที่จะมาเป็นครู แต่ต้องไปเรียนวิทยาลัยครูเพราะการเปิดรับจำนวนมากทำให้เข้าเรียนได้ง่าย จบแล้วมีโอกาสได้งานมาก ผลในปัจจุบันคือ เราได้ครูที่ไม่มีคุณภาพ และไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูเข้ามาเป็นครูมากกว่าที่ควรจะเป็น จึงมีปัญหาของครูในลักษณะต่างๆ ที่บั่นทอนศักดิ์ศรีความเป็นครู เช่นปัญหาทางเพศกับนักเรียน มีหนี้สินล้นพ้นตัว เบียดบังเวลาการสอน ไม่มีความแม่นยำทางวิชาการ ไม่สนใจการสอนและอบรมนักเรียนใฝ่อำนาจ นิยมการฉ้อฉลในรูปแบบต่างๆ เป็นต้นและคนที่กำหนดนโยบายนี้ก็เสียชีวิตไปเกือบหมดแล้วเช่นกัน ถ้าวิญญาณมีจริงได้โปรดรับรู้ผลเชิงลบเหล่านี้ด้วย

ปัญหาประการที่สอง การคลั่งชาติโดยไม่ส่งเสริมการเรียนภาษาอังกฤษ (กลัวเป็นเมืองขึ้นฝรั่ง) ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ครูภาษาอังกฤษไม่ได้รับการพัฒนา เอาครูที่ไม่ได้จบทางด้านภาษาอังกฤษมาสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียน กำหนดให้วิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาเลือก ผลที่ปรากฎในปัจจุบันคือ คนไทยอ่อนภาษาอังกฤษ ขนาดจบปริญญาตรียังใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน เป็นผลให้นักศึกษามหาวิทยาลัยไทยเสียโอกาสในการเรียนต่อระดับสูง หรือต้องเสียเงินมากกับการเรียนและสอบภาษาอังกฤษอีกหลายครั้ง รวมทั้งการเข้าถึงความรู้ที่ส่วนมากอยู่ในรูปภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างเชื่องช้าและไม่ลึกซึ้ง ทำให้รู้แบบงูๆ ปลาๆ หลังจากจบการศึกษาและมีตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบสูงเลยทำอะไรจึงผิดพลาดอยู่เสมอ...ประเทศไทยและคนไทยต้องรับเคราะห์กรรมหลายอย่างจากความรู้อย่างไม่ลึกซึ้ง...

ขณะที่ประเทศมาเลเซียไม่กลัวจะเป็นเมืองขึ้นฝรั่ง (เพราะเขาเป็นมาแล้ว) เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศมาเลเซียส่งครูภาษาอังกฤษไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งหมด แล้วกลับมาสอนนักเรียนมาเลเซีย ในปัจจุบันคนมาเลเซียพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนไทย ผลคือการติดต่อค้าขาย การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การจัดประชุมฝึกอบรมต่างๆ ที่ความรู้อยู่ในรูปของภาษาอังกฤษจึงถูกถ่ายทอดไปมาเลเซียและพัฒนาประเทศเขาจากครั้งหนึ่งที่เคยล้าหลังประเทศไทยมาก กลับมาทัดเทียมกับไทยหรือบางอย่างก้าวหน้ากว่าไทยเสียอีก

การเพิ่มรายได้ให้ครู

การทำให้อาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ กำหนดให้มีระยะเวลาของการเรียนยาวนานขึ้น มีการฝึกปฏิบัติในการเป็นครูก่อนที่จะจบการศึกษา มีการคัดเลือกและให้ทุนการศึกษาและประกันการมีงานทำให้กับผู้จบการศึกษาวิชาชีพครูและเมื่อบรรจุเข้ารับราชการก็มีอัตราเงินเดือนสูงกว่าผู้จบการศึกษาในสาขาวิชาอื่น เป็นการยกระดับของอาชีพครูให้ดูมีฐานะดีขึ้น เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการยกฐานะครู และใช้กระบวนการศึกษาฝึกอบรมที่นานกว่า และกระบวนการคัดเลือกคนที่จะมาเป็นครูที่อย่างเข้มข้น เป็นที่รู้ว่าเป็นโครงการสร้างครูพันธุ์ใหม่ในรัฐบาลของพรรคไทยรักไทย ที่ผู้จะเป็นครูต้องเรียน 5 ปีในมหาวิทยาลัย ได้รับทุนขณะเรียนด้วย และเมื่อจบการศึกษาได้บรรจุเกือบทุกคนเป็นตำแหน่ง "ครูผู้ช่วย" (จะครองตำแหน่งนี้อยู่ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นจะก้าวหน้าไปตามสายวิชาชีพ) รับเงินเดือนๆ ละ 8
,700 บาท ค่าครองชีพ อีก 1,500 บาท รวมเป็น 10,200 บาท ยังไม่หักรายการต่างๆ รายได้ขนาดนี้สำหรับการเริ่มต้นเป็นครูในสังคมไทย ถ้าอยู่ต่างจังหวัด และอยู่อย่างประหยัด ก็น่าจะเพียงพอ เพราะมีสวัดิการของการเป็นข้าราชการในการรักษาพยาบาลและสิทธิต่างๆ พอสมควรกับอนาคตที่เป็นงานมั่นคงและมีบำเหน็จบำนาญ

นอกจากนี้ยังมีเงินค่าตอบแทนของการทำผลงานทางวิชาการของครู/อาจารย์ เทียบเคียงกับระดับข้าราชการ เช่นระดับ 7 ระดับ 8 และระดับ 9 เป็นต้น ซึ่งมีระเบียบรองรับการจ่ายเงินตอบแทนให้ ถ้าครู/อาจารย์เหล่านั้นขยันที่จะทำผลงาน (ปัจจุบันนี้การกำหนดตำแหน่งและชื่อตำแหน่งของครูได้เปลี่ยนไปตามกฎหมายใหม่รวมทั้งการยกเลิกระบบ ซี แล้ว) ความหวังให้ครูพัฒนาวิชาชีพตนเองให้มีความรู้ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ อบรมบ่มนิสัยให้กับนักเรียนเป็นคนเก่งและเป็นพลเมืองดีของชาติ ด้วยการให้เงินค่าตอบแทนการทำผลงานทางวิชาการนี้ ทำให้ครูจำนวนหนึ่งได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ ถึงแม้จะมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมามาก เช่น ครูเลยหันไปทำผลงานวิชาการไม่สนใจที่จะสอนนักเรียน ทำให้จุดประสงค์ของการพัฒนาครูเพื่อจะให้ส่งผลกับนักเรียนนั้นไม่บรรลุผล

ครูจำนวนหนึ่งไม่มีความถนัดในการทำผลงานตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่ต้องการมีตำหน่ง มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น จึงยอมลงทุนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางวิชาการ เพราะจะทำให้ได้ทั้งตำแหน่งทางราชการที่สูงขึ้นหรือ ซี สูงขึ้น และเงินเพิ่มขึ้นด้วย ผลกระทบทางลบเช่นนี้เกิดขึ้นในวงกว้าง สร้างความเสื่อมเสียมาให้กับวิชาชีพครู และความเป็นครูอีกด้วย

การหารายได้ของครูกับศักดิ์ศรีของความเป็นครู

เมื่อครูจำนวนหนึ่งไม่สามารถอยู่ได้อย่างสมฐานะด้วยเงินเดือนของข้าราชการครู ที่ต้องรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นครูและความเป็นข้าราชการ ประกอบกับลักษณะอาชีพไม่เปิดโอกาสให้มีรายได้พิเศษเหมือนข้าราชการของกระทรวง กรม อื่นๆ ในจังหวัดเดียวกัน การเปรียบเทียบฐานะของข้าราชการต่างกรม ต่างกระทรวง ในจังหวัดเดียวกันเกิดขึ้นอยู่ในใจของข้าราชการครูเสมอ และครูจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในอาชีพของตน ขาดความภูมิใจ สาเหตุหนึ่งคือ ครูรู้ว่ารายได้ของอาชีพครูน้อยกว่าข้าราชการอาชีพอื่นทั้งๆ ที่ทำงานหนัก และรับผิดชอบสูง รวมทั้งครูบางคนมีระดับการศึกษาสูงกว่าด้วย สิ่งที่ยังคงทำให้ครูอดทนสู้อยู่ได้คือ "ความเป็นข้าราชการ" ซึ่งศักดิ์และสิทธิ์ได้รับการรับรองตามกฎหมาย...ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงแม้จะได้รับการปฏิบัติจากข้าราชการต่างสังกัดด้วยกัน หรือจากสังคม ไม่เท่าเทียมกับข้าราชการของกระทรวง กรม อื่นก็ตาม...

ครูอีกพวกหนึ่งที่ไม่เป็นข้าราชการ เป็นอัตราจ้าง รัฐบาลไม่บรรจุให้ด้วยนโยบายของรัฐ เช่น ต้องการลดจำนวนข้าราชการ โดยใช้การจ้างครูมาสอน ครูกลุ่มนี้มีจำนวนมาก และมีอิทธิพลต่อการศึกษาของชาติ และพลเมืองของประเทศไม่แพ้ครูที่เป็นข้าราชการ เพราะเขาก็ทำงานเหมือนกับข้าราชการและส่วนมากถูกครูที่เป็นข้าราชการเอาเปรียบ แต่ต้องทนทำงานเพราะหวังว่าวันหนึ่งคงได้บรรจุเป็นข้าราชการ บางคนทนรอไม่ได้ก็ต้องออกไปทำอาชีพอื่น ครูอัตราจ้างเหล่านี้ไม่มีขวัญและกำลังใจ ไร้ศักดิ์ศรี ทำให้ขาดความเชื่อมั่น ไม่องอาจสมกับกับเป็นแม่พิมพ์ให้กับนักเรียน หรือไม่สามารถทำตัวเป็นแบบอย่างให้นักเรียนได้นักเรียนก็ไม่ให้ความเคารพนับถือยำเกรงเท่ากับครูที่เป็นข้าราชการ สิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดไปสู่นักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนั้นครูเหล่านี้ ยังไม่ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นในแต่ละปีที่ผ่านไป การใช้แนวทางการบริหารแบบนี้กับคนเป็นครู กับวิชาชีพครู เป็นการทำร้ายอาชีพครู ทำร้ายนักเรียน ทำร้ายพลเมืองในอนาตของประเทศ เป็นการเอาเปรียบครูอัตราจ้างอย่างมาก

การหารายได้พิเศษของครูจึงเป็นความจำเป็นต้องทำอาชีพเสริมต่างๆ รวมทั้งการสอนพิเศษ การเปิดติวข้อสอบ บางครั้งการหารายได้เสริมของครูหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม จรรยาบรรณของวิชาชีพครูอย่างมาก การกระทำเหล่านี้ล้วนบั่นทอนศักดิ์ศรีอาชีพครูและเกียรติภูมิของครูให้ตกต่ำลงไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ...แต่..ดูเหมือนว่าครูจำนวนหนึ่งให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นครูน้อยกว่าการมีเงินที่เพียงพอกับการใช้จ่ายในสังคมบริโภคนิยมในปัจจุบัน...

แล้วครูในประเทศอื่นๆ ทั้วโลกเขามีสถานภาพและรายได้อย่างไร....โปรดติดตามต่อไป...



ความคิดเห็นที่  146

แมัทุกข์บ้างสุขบ้างก็ช่างเถิด
เมื่อเราเกิดเป็นครูเป็นผู้ให้
จะมากบ้างน้อยบ้างเขาวางใจ
มอบลูกไว้อบรมบ่มความดี

บางใครเขาหมิ่นเยาะไม่เพราะโสต
อย่าพึงโกรธช่างเขาเรามีศรี
คนไม่เห็น ฟ้า ผี เห็น..เป็นคนดี
ด้วยศักดิ์ศรี ศรีศักดิ์ รักเป็นครู



kanjana au   (23 เมษายน 2557  เวลา 12:23:33)

ความคิดเห็นที่  145

อ่านบทความข้างล่างนี้แล้วเห็นใจหัวอกเพื่อนครูด้วยกันมากเลยครับ คนไม่รู้ไม่เข้าใจหลอกครับ T_T ตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.seal2thai.org/kru/kru022.htm

T_T...   (2 พฤษภาคม 2556  เวลา 04:06:29)

ความคิดเห็นที่  144

เป็นครูมา 2 ปี ปีละโรงเรียน 9,700 กะ 10,000 เงินเดือนเท่านี้สำหรับในกรุงเทพ
ค่าเดินทาง + ค่าน้ำ + ค่ามาสาย ( สภาพอากาศที่สุดจะห้ามได้ ) + ค่าของขวัญปีใหม่ ผอ.
เหอะๆ เหลือกินเท่าไหร่กันไม่อยากนึก พ่อกะแม่นี่ไม่ต้องให้เรย ไม่พอกินชัวร์ๆ
ทำงานโคตรคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เงินเดือนก้เท่าเดิม เป็นกราฟขนานแกน x ไปซะ ไม่มีขึ้นลงให้วูบวาบ
" ทำดีก้เท่าตัว ทำชั่วเขาก้หักตังค์ " ตอนนี้ออกและ พอกันที รักเด็กนะ ชอบสอนนะ
แต่รักอนาคตตัวเองมากกว่า นึกน้อยใจเราไม่มีวุฒิสอน ม. 4,5,6 แต่คนที่มีวุฒิสอนมันอยู่นั่นล่ะ ม. 1,2
เฮ้อ!!!!! เหนื่อยใจ

ครูคณิต ม.ปลาย ไม่มีวุฒิ   (5 มกราคม 2556  เวลา 17:12:16)

ความคิดเห็นที่  143

รู้ว่าอาชีพครูไม่ได้สอนอย่างเดียวแต่ยังมีงานอื่นอีกมากมายหลายโครงการที่ต้องรับผิดชอบแต่ก็ยังยินดีที่จะเป็นครูและนักหัวใจนักบริการแก่ผู้ปกดรองและหน่วยงานอื่น ๆที่มาติดต่องานที่โรงเรียน

ploynut   (31 ธันวาคม 2555  เวลา 23:13:08)

ความคิดเห็นที่  142

ถึงจะเหนื่อยแต่ก็รักในอาชีพครู

ploynut   (31 ธันวาคม 2555  เวลา 23:07:34)

ความคิดเห็นที่  141

ครูไม่ใช้แค่เรือจ้าง

คนดี   (20 สิงหาคม 2555  เวลา 15:03:14)

ความคิดเห็นที่  140

จะพยายามให้ถึงที่สุด ครูเป็นพ่อแม่คนที่2 ช่วยชี้แนวทางไปสู่อนาคต ครูทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้ ต้องขอบคุณครูจริงๆ

ครูผู้ชี้นำแนวทาง   (15 กรกฎาคม 2555  เวลา 19:11:59)

ความคิดเห็นที่  139

เพื่ออนาคตของเราจะตั้งใจเรียนหนังสือ ดิฉันมีกลอนมาฝากค่ะ
         แม้งานหนักเหน็ดเหนื่อยไม่เคยบ่น
สู้อดทนส่งเสริมศิษย์พิชิตฝัน
สู้อุตส่าห์สั่งสอนทุกวี่วัน
จิตมุ่งมั่นอบรมจริยา

ครูผู้ชี้นำแนวทาง   (15 กรกฎาคม 2555  เวลา 16:42:16)

ความคิดเห็นที่  138

อยากเป็นครูมาก อยากให้เด็กๆที่ด้อยโอกาสเรียนหนังสือให้มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าเหมือนเด็กๆทั่วไป ดิฉันเป็นกำลังใจให้น้องๆนะคะ

ครูผู้ชี้นำแนวทาง   (15 กรกฎาคม 2555  เวลา 16:35:26)

ความคิดเห็นที่  136

การเป็นครู หนูรู้สึกว่ามันยากมาก แต่ก็อยากจะเป็นครู เพราะรักอาชีพนี้มาก และจะเข้า คณะ ครุศาสตร์ เอกภาษาไทย เพื่อกลับมาสอนเด็กๆชาวเหนือของเราไห้มีประสิทธิภาพอ่านออก เขียนได้ จะพยายาม เป็นครู เพื่ออนาคตของตัวเอง และครอบครัวคะ  สู้ๆๆๆ

เด็กน้อยน่านนะสิ   (4 กรกฎาคม 2555  เวลา 18:58:35)

ความคิดเห็นที่  135

การเป็นครูถึงจะยากแต่ทำเพื่ออนาคตของตัวเองได้  และต้องทำสุดความสามารถ

FFFFO   (4 กรกฎาคม 2555  เวลา 13:37:00)

ความคิดเห็นที่  134

เป็นครูผู้ช่วย....โคตรเครียดเลย...โดนผู้บริหารแกล้ง....เหมือนลูกไก่ในกำมือ

ตุ๊กกะตา   (26 พฤษภาคม 2555  เวลา 20:04:36)

ความคิดเห็นที่  133

ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าครูทำงานด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นครูโดยแท้ คือ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความมุ่งหมายที่จะให้ลูกศิษย์เป็นผู้ประพฤติดี มีความรู้ ปัญหาเรื่องอื่นก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย....

ข้าราชการไทยคนหนึ่ง   (25 พฤษภาคม 2555  เวลา 14:22:37)

ความคิดเห็นที่  132

เชื่อครับว่าเหนื่อยแต่ก็สู้ๆนะครับ

เด็กนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง   (24 พฤษภาคม 2555  เวลา 20:57:39)

ความคิดเห็นที่  131

ผมเชื่อว่าครูเหนื่อยนะครับผมเข้าใจสู้ๆครับคุณครูทุกท่าน

เด็กนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง   (24 พฤษภาคม 2555  เวลา 20:54:04)

ความคิดเห็นที่  130

สนับสนุนความคิดเห็นที่ 122 - 123 ถูกทุกอย่างที่พูดมา  เราแก่แล้ว หมดความอดทนเลยเออรี่มาแล้ว ใช้ชีวิตแบบพอเพียงเราก็มีความสุขอยู่ได้ เราไม่ได้กู้ตามกระแส เงินเดือนลดลง เรายังอยู่ได้

ครูเก่า   (18 กุมภาพันธ์ 2555  เวลา 15:54:53)

ความคิดเห็นที่  128

พูดมาทั้งหมดก็มีทั้งส่วนถูกและส่วนผิดเอาอย่างนี้ดีกว่าหนักแน่นเข้าไว้บางครั้งก็มีท้อและเหนื่อยสู้ๆๆๆต่อไปเพื่อ....ใครๆๆตั้งหลายคน ในแผ่นดินนี้  ในโรงเรียนนี้ ให้คิดเสียว่าคนมีที่มาพื้นฐานต่างกันหลายรูปแบบ บางคนชอบโอ้อวด  บางคนชอบข่มขู่  บางคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  เรื่องหนี้ก็เพราะความอยาก  ความไม่พอเพียง  เพื่อตัวเองไม่เท่าไร เพื่อลูก เพื่อหลาน  มีบ้าน  มีรถ  มีที่นา  มีที่ดิน  หาไว้ๆๆๆ อีก 10,20 ปีข้างหน้าเมื่อไม่มีเงินเราก็ขายหรือให้ลูกหลานแม้จะมีหนี้มากแต่มันมาเป็นอสังหาริมทรัพย์  ทรัพย์สิน  ถ้าเป็นไปได้อยู่บ้านหลังเล็กๆ มีรถจักรยานปั่น เหมือนในเรื่องครูบ้านนอกก็คงจะดี  คงไม่ได้หรอกข้าราชการหน่วยงานอื่นคงดูถูกแย่แม้แต่ชาวบ้านยังมีรถขับสรุปแล้วคงเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ

ครูอีกคน   (24 มกราคม 2555  เวลา 19:35:24)

ความคิดเห็นที่  127

1 ภาระงานเยอะแยะ (โอ๊ย ไม่มีเวลาเตรียมการสอนและสื่อการสอนหรอก)
2 ต้องขยันถูห้องกวาดห้องและจัดบอร์ดแทนนักเรียน (โอ๊ย ไม่มีเวลาเตรียมการสอนและสื่อการสอนหรอก)
3 เวลาว่างก็ต้องตรวจงานตรวจสมุด (โอ๊ย ไม่มีเวลาเตรียมการสอนและสื่อการสอนหรอก)
4 ต้องตามใจครูป.1ที่จบบริหารธุรกิจ  รวมถึงเทคนิคการสอน วิธีสอนและฯลฯ
(โอ๊ย ไม่มีเวลาเตรียมการสอนและสื่อการสอนหรอก)
5 อบรมวิชาการตามโรงแรม เกือบทุกเสาร์-อาทิตย์ (โอ๊ย ไม่มีเวลาเตรียมการสอนและสื่อการสอนหรอก)
  (ไม่มีเวลาแม้แต่จะเรียนต่อปริญญาโท)
6 นี่แหละคือครูกทม.

aob    (25 กันยายน 2554  เวลา 14:23:13)

ความคิดเห็นที่  126

เพิ่งบรรจุเป็นครูผู้ช่วย แต่น้ำตาก็ล่วงหล่นไม่ขาดไม่เว้นแต่ละวัน เพราะการกระทำของครูด้วยกันทั้งนั้น
จะทำจะพูดจะคิดครูผู้ช่วยก็ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง รอให้ข้าราชการครูด้วยกันกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะครูคศ.2
และครูคศ.3  ทำตัวเป็นเจ้าถิ่นใหญ่ในโรงเรียน และไม่มีมนุษยสัมพันธ์ แถมยังสอนแบบถูกๆผิดๆ
ให้เราสอนไม่ตรงเอก ยังให้สอนชั้นเด็กเล็กอีก  (เพราะเหตุนี้แหละคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากเป็นครู)
อีกสารพัดปัญหาที่เข้ามารุมเร้าให้กวนสมองกวนใจ  ยิ่งครูอายุน้อยกว่าเราที่ผ่านครูผู้ช่วย
แล้วได้เป็นครูคศ.1 นี่สิ มาชี้หน้าด่า ใช้สรรพนามบุคคลที่ 2 ว่า "แก"   (จะให้ทำอย่างไรกัน)
คนที่จบบริหารธุรกิจ เป็นครูสอนชั้นป.1  พอได้เป็นครูคศ.1 ก็ทำตัวเก่งซะไปทุกเรื่อง ผิดกับเรา
ที่จบศึกษาศาสตร์ เอกภาษาไทย มีประสบการณ์สอนมัธยมมา 5 ปี  แต่กลับให้ไปสอน วิทย์ คณิต ไทย
ชั้น ป.1 (แล้วอย่างนี้จะจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพให้อย่างไร ก็ในเมื่อไม่ถนัดสอน ป.1นี่)
แต่ก็ไม่วายถูกบังคับให้สอน  ให้ทำโน่นทำนี้ตามใจครูที่จบบริหารธุรกิจมา  เฮ้อ ใจแทบจะไม่อยากเป็นครูอีกต่อไป

 

aob   (25 กันยายน 2554  เวลา 14:10:29)

ความคิดเห็นที่  125

อาชีพครูก็ลับบากอยู่เหมือนกัน แต่เรามีหน้าที่จะสร้างและพัฒนาเด็กๆและเยาวชน ให้เติบโตเป็นคนดีมีอนาคตก็ทำไปจะดีที่สุด...

<<SWEET HONEY>>   (20 สิงหาคม 2554  เวลา 11:40:51)

ความคิดเห็นที่  124

รายครูเยอะกว่ากว่าชาวนา ชาวไร่ แต่ทำไม หนี้สิน เยอะแยะ ไม่รู้จักความพอเพียง ใช้เงินเกินตัว ถึงเวลาก็มาเรียกร้องว่าเงินเดือนน้อย เงินเดือนหนึ่งๆๆ เงินมากกว่าชาวบ้านทำงานทั้งปีอีก

ชาวบ้าน   (11 พฤษภาคม 2554  เวลา 17:51:58)

ความคิดเห็นที่  123

ความจริงไหม

1. ภาระงานส่วนตัวมากกว่า   ครูชำนาญการสารพัดมากมาย   แต่เด็กอ่านหนังสือไม่ได้  เขียนไม่ได้  
2. ครูประจำอายุเยอะหน่อยก็ไม่ค่อยทำงานฝ่าย  บอกหนู ๆ มาใหม่ไฟแรงทำไปเหอะ  ทั้งที่งานเขาก็เยอะ  โดนรุมอีก
3.  มาบรรจุใหม่ น้ำท่วมปาก  งานที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากได้กลายเป็นครูใหม่รับไปทั้งที่ทำไม่ค่อยเป็น
4.  เงินเดือนครูน้อยมาก  หักสาระพัดไม่พอจะกิน   แถมกู้ทุกอย่าง   ก็โดนซะ  เพราะไปกู้เยอะ  (อันนี้โทษใครไม่ได้ไปกู้เอง)ทั้งที่เทียบกับหมอ  เงินพิเศษจากเวรไม่มี  ล่วงเวลาไม่เคยไม่มีให้เห็น  เงินค่าวิชาชีพไม่มี  แต่หมอมี  ลองไปถามเงินเดือนหมอดิ  แต่ละเดือนแบกแทบไม่ไหว  (บางรายหยิ่งใส่ครูบาอาจารย์ที่สอนมันมาอีกแนะ) ใครก็ว่าครูดีแล้วมีปิดเทอม  ถ้าเรียนวิชาชีพครูมา  ครูไม่มีปิดเทอมนะจ๊ะ  เด็กนักเรียนปิดจริง  ระหว่างนั้นครูต้องมานั้งเตรียมงานหัวฟู  ช่วงเปิดก็  ตื่นแต่เช้า  8.30  เริ่มสอน จนถึง 12.00   พักกินข้าว  1 ชั่วโมง   13.00  ขึ้นมาสอน  ถึง 16.00  ชั่วโมงว่าง  ต้องมานั่งตรวจงานนักเรียน  หรือทำงานฝ่ายที่รับผิดชอบ  จนดึก   ไม่เสร็จหอบไปทำบ้าน (บางคนก็หอบไปแล้วก็หอบกลับไม่ได้ทำ) เสาร์ - อาทิตย์  อยู่เวร  ฟรี  จนเป็นโอฟรี  
5.  เด็กสมัยนี้สบายไป  ผู้ปกครองก็ร้องเก่ง  ครูต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น  คำพูดกิริยาที่จะทำให้สำนึกกลายเป็นทำไม่ได้  ครูต้องกลับมาระลึกเสมอว่าอย่าว่าเด็ก
6.  งานอบรม   งานสัมมนา  ชอบมาช่วงเปิดเทอม  แล้วครูที่ไปอบรมกะจะมาพัฒนาโรงเรียน  สักพักมันย้ายแล้ว
7. การแบ่งแยกกลุ่มของครูในโรงเรียนใหญ่ ๆ  แบ่งประเภทครูจ้าง  บรรจุ  พนักงาน  ทำให้บางคนไม่ใส่ใจ  
8.  งานเขตก็สำคัญ  มาเช้าเอาบ่าย  มาบ่ายเอาเย็น  มาซะเย็นเอาพรุ่งนี้เช้า  ด่วน  ด่วนมาก  ด่วนที่สุด  ด่วนซิบหาย  โรงเรียนที่ไม่ค่อยมีครู  ก็ต้องทิ้งเด็กมาทำงานส่งเขต  
9. ผู้บริหารก็สำคัญทำผลงานตัวเองจนลืมตัว  อยากได้ผลงานด้านการบริหารใช้ลูกน้องหัวไม่วางหางไม่เว้น  ทำให้ลูกน้องขยาด ไม่กล้าเข้าใกล้  กิจกรรมดี  กิจกรรมเด่น  เน้นกิจกรรม   ลืมหรือเปล่าว่าเขาเน้นผลสัมฤทธิ์
10. การสอบวัดความรู้  ทุกประเภท  บางโรงเรียนครู  1  กลุ่มสาระมากกว่าครูอีกโรงเรียน  1  โรงเรียน  จะให้คะแนนมันเท่ากันก็เป็นไปได้ยาก  บางโรงที่รู้มา  ครูอังกฤษ  สอน การงาน  ภาษาไทย  สังคม  เกษตร  สอนทุกอย่างที่ครูไม่ถนัด  วิชาเอกเลยไม่อะไรแล้ว  
มีอีกเยอะแยะมากมาย  ต้องกลับไปนั่งดูว่าปัญหาที่เราเจอ  เจอมาแบบไหน  เลยไม่เคยเจอ  ถ้าครูทุกคนว่าตัวเองลำบากลองมองครูที่เขาลำบาก  กว่าเรา  ทั้งที่อยู่  ที่กิน  นักเรียน  แหล่งหาความรู้  ระบบคอมและอินเตอร์เนต   จำนวนบุคลากร  การเดินทาง  ลองมองพวกเขาที่ลำบากจะรู้ว่าเราทุ่มเทกับสิ่ง ๆ นั้นที่อยู่ต่อหน้าเราด๊หรือยัง  

แต่ก็อย่าลืมมองตัวเรา  ถ้าจะว่าเขา   เราดีพอหรือยัง

เงินครูน้อยก็จริง  ภาระงานเยอะจริง   แต่ครูบางคนสิ้นเดือนนี้โรงเรียนไม่จ้างก็มี  ทั้งลูก  ทั้งเมีย  ครบครัว   เขตงบหมด  เขาแย่กว่าเรา  อยากให้เห็นใจคนอาชีพเดียวกัน ปัญหาครูทุกคนทั้งจะอาชีพเดียวใช่ปัญหาจะเจอเหมือนกัน  

ครูอีกคนที่ทนเห็นอยู่    (7 พฤษภาคม 2554  เวลา 16:43:46)

ความคิดเห็นที่  122

ทำอย่างไรครูจะได้มีหน้าที่สอนอย่างเดียว
ร.ร.ขาดครู คณิต  วิทย์ ภาษาไทย  เป็นวิชาที่ต้องมีการประเมินการเรียนการสอน
แต่ต้องรับภาระงานที่หนักอึ้ง ทะเบียนนักเรียน ย้ายเข้า-ออกตลอดปี นักเรียนเข้าออกประมาณ ลงทะเบียนเข้ามากกว่า 250 ต่อปี   ย้ายออก จบหลักสูตรมากกว่า 250 ต่อปี ลง Smiss เข้า-ออก ประมาณ 500 คนต่อปี  สอน มากกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์รวมซ่อมเสริมนักเรียนเตรียม NT  ร.ร.อำเภอนักเรียนผู้ปกครองหาเช้ากินค่ำภาระต่างๆผู้ปกครองโยนให้ร.ร.แก้ปัญหาทั้งสิ้น งานการเงินพัสดุ   งานบุคคลากรทครู 50 คน วุ่นวายต้องสอนอีก เงินเดือนตันแล้วไม่มีเวลาทำ คศ.๓ เลย ไม่อยากทิ้งเด็กเพื่อทำผลงาน อย่างไรแล้วฉันก็ต้องสอนเพื่อให้เด็กดีกว่าที่เป็นอยู่ไม่ใช่สอนเพื่อสอบเข้า ร.ร.ดัง ผู้ปกครองก็ไม่พร้อม ขอทำหน้าที่สอนอย่างเดียวเถอะเด็กจะได้ดีกว่าเดิม ผล์NTของ ร.ร.สรุปการสอนของฉันไม่ได้เลยเพราะฉันสอนเต็มความสามารถจริงๆฟ้าเป็นพยาน สอดแทรกคุณธรรมให้น.ร.เสมอให้เห็นคุณค่าของผู้ปกครอง พ่อ แม่  มูลนิธิต่าง ๆ เงินภาษีที่ลดรายจ่ายให้ผูปกครองด้วยเงินเรียนฟรี 1 ปี นมวันละถุง อาหารกลางวันวันละ -13 บาท อยากมีเวลาอยูกับนักเรียนมากกว่าอยากให้เด็กเก่งคณิต วิชาที่ตนเองสอน  จ้างครูธุรการ โดยให้ครูสอนอย่างเดียวเถอะอย่ายัดเยียดงานให้เกินหน้าที่สอนเลย แล้วรายงานอะไรก็ไม่รู้มากมายๆจริงจริ๊งครูไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ทำก็ถูกผอ.เล่นงาน อย่าให้การเออรี่เป็นทางเลือกของฉันเลย

ครูไทย   (11 มิถุนายน 2553  เวลา 20:39:58)

ความคิดเห็นที่  121

ก็เห็นด้วยกับสาระทั้งหมดที่ได้อ่าน  แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าครูรู้จักตนเองดี และดำเนินชีวิตตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ครูก็ยังสามารถสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัวได้ และอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีด้วย
สิ่งที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในวิชาชีพครู ก็คือ กระบวนการคัดเลือกคนที่มีคุณภาพ และมีความปรารถนาที่จะเป็นครูอย่างแท้จริง ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูได้ใช้เวลา และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มกำลัง มีอิสระในการประเมินผลการเรียนตามความเป็นจริง(ไม่ใช่ประเมินตามนโบายห้ามเด็กตก) จัดสื่อการสอนที่มีคุณภาพ และที่คิดว่าสำคัญมาก ๆ เลย ที่อยากให้เกิดขึ้นในวงการการศึกษา ก็คือ ผู้บริหารมืออาชีพในระดับสถานศึกษา ไม่อยากให้มี ผอ.ส้วม ผอ.อาคารสถานที่ ผอ.รั้ว ผอ.ๆๆๆๆๆ อีกมากมาย โดยไม่มีความรู้เรื่องการศึกษาเลย (มีมากในสถาบันอาชีวศึกษา)

ครูที่ภาคภูมิใจในอาชีพครูเสมอ   (1 มิถุนายน 2553  เวลา 16:54:34)

ความคิดเห็นที่  120

ดิฉันก็มองเห็นว่ากระทรวงนี้เป็นกระทรวงเดียวที่คนเก่งจริง ๆ มาอยู่ยาก..ถ้าอยากจะเจริญในหน้าที่การงาน ต้องเก็บสมองไว้ที่บ้าน คอยรับคำสั่งลูกเดียว และน่าอนาถที่ยุคนี้ผู้ออกคำสั่งมักได้ฉายาว่า "สมองกลวง"
อดีต..ไว้เป็นบทเรียน ..อนาคตต้องช่วยกัน โดยเฉพาะผู้เป็นมันสมองและมีอำนาจของชาติ..

ยายแม่มด   (22 เมษายน 2553  เวลา 10:12:34)

ความคิดเห็นที่  119

ผู้บริหารใหม่  ในโรงเรียนระดับประถมศึกษาส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง)  มักจะส่งเสริมให้ครูทำผลงานในรูปแบบเอกสารเพื่อป้อนผลงานให้กับตนเองในการเลื่อนตำแหน่ง  และไม่สนใจ  ไม่ส่งเสริมครูที่ตั้งใจสอนนักเรียนแต่ไม่ถนัดการทำผลงาน  ทำให้ครูเหล่านั้นหดหู่ และหมดกำลังใจ   ไม่รู้เมื่อไร  สพฐ. จะเลิกส่งผู้บริหารประเภทนี้ให้แก่โรงเรียนสักที

UDSR8421   (16 เมษายน 2553  เวลา 06:39:32)

ความคิดเห็นที่  118

ครูเป็นสิ่งที่ดีที่สุดรองจากรอบครัว
เพราะมีครูช่วยอบรมสั่งสอนแทนพ่อแม่
ทำให้เด็กคนนี้อยากตอบแทนครู
ด้วยการเป็นครูที่ดีของประเทศชาติ
ถึงแม้ว่าครูอาจจะไม่ต้องสิ่งตอบแทนใดๆนอกจาก
จะเห็นศิษย์ของตนเป็นคนดีของประเทศชาติ
ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้เรียนครูตามที่ตนเองต้องการ
แต่เป็นพยาบาลตามที่แม่ต้องการ
เด็กคนนี้ขอไปสอนนักเรียนตามที่ต่างๆได้ไหม
ที่ไหนก็ได้ ได้ทุกที่ไม่มีแม้แต่ใดๆทั้งสิ้น
ได้ทุกภาค ทุกที่ของประเทศไทยที่ขาดครู...

ดอกบัวแก้ว   (2 เมษายน 2553  เวลา 15:07:34)

ความคิดเห็นที่  1

เป้นครูจ้างและเชื่อว่าจะได้บรรจุเร็วๆนี้

Chila   (18 มีนาคม 2553  เวลา 08:33:54)