อาจกล่าวได้ว่า อาจารย์จินตนา หรือรองนาย หรือครูจิน เป็นครูมาตลอดทั้งชีวิต นับจากเริ่มบรรจุเป็นครูเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ และย้ายมาสอนที่โรงเรียนธีรกานต์บ้านโฮ่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘โดยสอนวิชาสังคม และเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการจนเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดหนึ่งปี เมื่อปี ๒๕๕๓
ครูจินเข้าสู่วงการเพศศึกษาในปี ๒๕๔๖ โดยเป็นผู้คัดเลือกครูในโรงเรียนไปเข้ารับการอบรมเป็นวิทยากรหลัก หรือ ที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า MT (Master Trainer) เพื่อสอนวิชาเพศศึกษา ตามหลักสูตรเพศศึกษาที่องค์การแพธ (PATH) พัฒนาขึ้น
หลังจากส่งครูที่โรงเรียนมาอบรม MT ได้ ๒-๓ ปี ครูจินก็เข้าร่วมอบรมเอง โดยตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะไปอบรมเพียงหนึ่งวัน เพราะก็คงเหมือนกับการอบรมอื่นๆ ที่ผู้เข้าอบรมมีหน้าที่เพียงนั่งฟังวิทยากรพูด และ “จุ๊บ” power point กลับไป
|
แต่เมื่อได้เข้าอบรม ครูจินกลับพบว่าไม่เหมือนกับการอบรมทั่วไป เพราะไม่ใช่แค่เพียงนั่งฟังวิทยากรพูด แต่เป็นการมาเรียนรู้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการคิด ได้ฝึกทักษะต่างๆ เช่น ทักษะการฟัง การจับประเด็น การเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ นอกเหนือจากการได้เครือข่ายในการทำงานเรื่องเพศศึกษา จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาอบรมเพียงหนึ่งวัน ครูจินอยู่จนครบ ๔ วันด้วยความสนุกสนาน และตื่นเต้นว่า จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เรื่องใดอีก ครูจินเล่าว่า โรงเรียนในชนบทไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนักเรียนท้อง แต่เมื่อเกิดมีเด็กนักเรียนท้องขึ้นมาสักคนก็จะเป็นข่าวดัง เป็นหัวข้อที่พูดกันตั้งแต่หัวหมู่บ้านยันท้ายหมู่บ้าน เด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ โรงเรียนจะต้องสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสได้เรียนจบ และสำหรับตัวนักเรียนเองก็ควรจะต้องรู้เรื่องเพศศึกษาเพื่อที่จะได้รับผิดชอบตัวเองได้ และจากการเป็นครูมายาวนาน ครูจินมองว่า เด็กหน้าขาว ปากแดง หรือ “เด็กหลังห้อง” เป็นเด็กที่เอาตัวรอดได้ แต่เด็กแถวหน้า เด็กดี เด็กเรียนเก่งเป็นเด็กที่น่าห่วงมากกว่า เพราะเด็กเรียนหนังสือย่างเดียว แต่ไม่รู้เรื่องอื่นๆ เลย เด็กจะมีโอกาสพลาดได้มากกว่า โรงเรียนธีรกานต์บ้านโฮ่ง เริ่มสอนเพศศึกษา ในปี ๒๕๔๗ โดยครูจินใช้เทคนิคส่วนตัว เปิดคู่มือหลักสูตรการสอนเพศศึกษาขององค์การแพธมาให้ครู ม.๑ เลือกแผนการสอน และให้ครูที่สอนทุกคนเขียนแผนที่เลือกจะสอนพร้อมเหตุผลที่เลือก และคาดว่านักเรียนจะได้เรียนรู้สิ่งใดจากการสอนแผนนี้ จากนั้นโรงเรียนจะถ่ายเอกสารรายละเอียดการสอนให้ครูทุกคน และจัดการสอนเพศศึกษาลงในชั่วโมงวิชาจริยธรรม แล้วครูจินก็ชวนผู้อำนวยการโรงเรียนเดินดูการสอนเพศศึกษาด้วย ครูที่โรงเรียนธีรกานต์บ้านโฮ่งสอนเพศศึกษาได้ทุกคน ในการอบรมการสอนเพศศึกษาให้กับครูที่โรงเรียน ครูจินจะเริ่มต้นเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ไปอบรมมาให้ฟัง และให้ครูที่ไปอบรมมาเล่าให้ฟังด้วย ครูที่ส่งไปฝึกอบรม MT จะรู้สึกสนุกและอยากที่จะสอนเพศศึกษา โดยให้จับคู่ทำงานกันระหว่างครูที่ไปอบรม MT และเคยสอนมาก่อนกับครูที่ไม่ได้อบรมและยังไม่เคยสอน ครูที่เคยอบรม MT และสอนเพศศึกษามาก่อนก็จะถ่ายทอดประสบการณ์ที่เคยสอนมาก่อน ว่าสอนอะไรบ้าง เป็นอย่างไร เจอปัญหาอย่างไร และแก้ปัญหาอย่างไร |
สำหรับการสอนเพศศึกษาในชั้น ม.๓ และ ม.๖ จะสอนในวิชาแนะแนวจำนวน ๑๖ ชั่วโมงต่อ ปี ส่วนชั้น ม.๑ ม.๒ ม.๔ และ ม.๕ จะสอนในวิชาสุขศึกษา และทุกเดือน เดือนละครั้ง นักเรียนทุกคนจะต้องเรียนวิชาเพศศึกษา ๑ ชั่วโมงในวิชาจริยธรรม
เมื่อมีการสอนวิชาเพศศึกษาในโรงเรียน ทั้งเด็ก ครู และโรงเรียนต่างก็ได้ประโยชน์ สำหรับเด็ก เด็กจะรู้สึกสนุก เพราะเพศศึกษาสอนความจริง ไม่ได้สอนให้เด็กต่อต้านความเป็นจริง เช่น เรื่องรักนวลสงวนตัว แต่เป็นการสอนให้เด็กรู้จักป้องกันตัวเอง รับผิดชอบตัวเองได้ และยังแก้ไขความเชื่อผิดๆ เช่น กินเหล้าขาวแล้วจะทำให้แท้งลูก เด็กจะกล้าคุยกับครูทุกเรื่อง ในส่วนของนักเรียนที่ท้องก็พบว่า มีน้อยลงหรือบางปีก็ไม่มี สำหรับการช่วยนักเรียนท้องให้เรียนจบ โรงเรียนธีรกานต์บ้านโฮ่งจะให้เด็กที่ท้องเอาใบงานกลับไปทำที่บ้าน โดยไม่ต้องมาเข้าชั้นเรียน
สำหรับครูก็สามารถใช้เรื่องการสอนเพศศึกษาประเมินตำแหน่งอาจารย์ ๓ ได้ และสำหรับโรงเรียน ครูจินมองว่าวิชาเพศศึกษามีส่วนสำคัญที่ทำให้นักเรียนดี เก่ง และมีความสุข พัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ โรงเรียนในฝันได้ตามนโยบายการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จากประสบการณ์ อาจารย์จินตนามองว่า การจะทำให้เพศศึกษาเกิดขึ้นได้ในโรงเรียนมีหลัก ๒ ข้อ คือ การคัดเลือกครูไปอบรม MT โดยอาจารย์จินตนาเลือกครูที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพราะสามารถกลับมาประชาสัมพันธ์เรื่องเพศศึกษาในโรงเรียนได้ ครูที่เป็นนักกิจกรรมเพื่อกลับมาจัดกิจกรรม และครูที่มีหน้าที่ประสานงานกับผู้ปกครองนักเรียน
อีกหลักหนึ่งที่สำคัญ คือผู้บริหารต้องเปิดใจ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการต้องรับหลักการ เป็นนโยบายไปปฏิบัติ มีวาระเรื่องเพศศึกษาในการประชุมผู้ปกครอง
นอกจากนี้ ยังต้องมีทีมสอนเพศศึกษาที่จะเป็นทีมหลักที่จะขับเคลื่อนเรื่องเพศศึกษาในโรงเรียน โดยสร้างขวัญ กำลังใจ และแรงจูงใจให้กับทีมงาน ให้มีทีมงานสอนเพศศึกษาที่เข้มแข็ง เพราะถ้าวันหนึ่ง หากเปลี่ยนผู้บริหารโรงเรียน และผู้บริหารคนใหม่ไม่เห็นความสำคัญกับเรื่องเพศศึกษา วิชาเพศศึกษาในโรงเรียนก็ยังดำเนินต่อไปได้ด้วยตัวเอง เพราะว่ามีทีมทำงานสอนเพศศึกษาที่ลงหลักปักฐานแล้ว
วันนี้ ถึงแม้ว่าจะเกษียณจากการสอนและการบริหารโรงเรียนแล้ว ครูจินก็ยังอยากที่จะมาประชุมเรื่องเพศศึกษา มาอบรม MT ทุกครั้ง เพราะต้องการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และครูจินยังเป็นที่ปรึกษาคณะทำงานเพศศึกษาจังหวัดลำพูน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงินเดือน แต่ก็เป็นการทำงานด้วยใจ ด้วยจิตสำนึกของการเป็นครูมาตลอดชีวิต