ผอ.ไฟเขียวให้ครูออกแบบชั่วโมงสอนสลับกันได้ระหว่างคาบคุณธรรมจริยธรรมกับชั่วโมงเพศศึกษา เพราะแม้จะมีประเด็นต่างกัน แต่นำไปใช้สู่ปลายทางเดียวกันที่ช่วยพัฒนาทักษะชีวิตให้เด็กๆนำไปใช้ได้จริง
---------------------------------
“อ๊บทีไรก็ส่งผู้เดิมๆ ไปอ๊บ เจ้าไป่อ๊บมา เจ้าก็เฮ็ด..!!” (มีอบรมทีไรก็ส่งคนเดิมไป เธอไปอบรมมาเธอก็ทำสิ..)
เสียงพูดคุยของครูแว่วมาให้ได้ยินในครั้งนั้น ทำให้บุญทัน วัฒนศักดิ์สุภกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนประชาพัฒนา จ.มหาสารคาม ตั้งข้อสังเกตถึงการรับรู้ข้อมูลที่ไม่เท่ากันของครูในโรงเรียน แม้แต่ตัวท่านเองผู้นำนโยบายมาใช้ หากยังไม่รู้ในเรื่องเพศศึกษาอย่างรอบด้านอย่างลึกซึ้งอาจถูกมองว่าไม่ยุติธรรมได้ นี่เองเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผอ.บุญทันเข้าอบรมหลักสูตรเพศวิถีศึกษารอบด้านด้วยตัวเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
และเริ่มเข้าใจว่า การเรียนรู้เพศศึกษา ความหมายไม่ใช่แค่ “เรื่องร่วมเพศ” ที่ใครๆ เข้าใจกัน
กระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาเน้นที่กระบวนการให้ผู้เรียนคิด การรู้จักเลือกตัดสินใจ แยกแยะผลที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเรียนรู้เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณครูเข้าถึง “ใจ” เด็กได้ เพราะเมื่อเด็กเปิดใจกล้าพูดกับครู เด็กจะตั้งใจเรียนรู้ทุกสิ่งจากคนที่เค้าไว้วางใจ ทุกวิชาที่เรียนก็จะราบรื่นไปด้วย
หลังจากวันนั้น ผอ.จึงสั่งการให้มีการอบรมครูทั้งโรงเรียนในหลักสูตรเพศวิถีศึกษารอบด้านขึ้นเพื่อให้ทุกคนมีความรู้เท่ากัน และมีนโยบายให้ครูที่ปรึกษาสอนเพศศึกษาในชั่วโมงโฮมรูมของทุกวันจันทร์ทุกช่วงชั้น (ม.๑- ม.๖) ตั้งแต่เปิดเทอมเดือน พฤษภาคมเป็นต้นมา
“จากที่เดินสังเกตการสอน พบว่า เด็กได้รับรู้เรื่องดีๆ เพราะครูสอนลงลึกและเด็กมีส่วนร่วม สีหน้าของเด็กแสดงถึงความสุขขณะเรียนเพศศึกษา เด็กหลังห้อง เด็กเกเรที่ไม่เคยสนใจเรียน พอเรียนวิชานี้เค้าจะมีส่วนร่วมด้วย เพื่อนถามอะไรเค้าก็จะยกมือแสดงความคิดเห็น บริเวณรอบโรงเรียนของทุกวันจันทร์ ใต้อาคารจะไม่มีเด็กโดดเรียนให้เห็นเลยหลังจากจัดให้มีวิชาเหล่านี้เข้ามา”
ไม่เพียงสังเกตปรากฏการณ์ในห้องเรียน ผอ.ยังเห็นในคุณค่าของการนำวิชาเพศศึกษารอบด้านมาใช้ เมื่อย้อนนึกถึงความรู้สึกช่วงวัยเรียนของตนเองว่า ครั้งหนึ่งเคยรักเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ภาษาไทย จนท่องจำได้มากกว่าวิชาอื่น เพราะเป็นเรื่องรอบๆ ตัวเรา การสอนเพศศึกษาก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เด็กสนใจและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งรูปแบบการสอนที่คล้ายคลึงกับ Child centeredซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผอ.จึงปรับชั่วโมงสอนคุณธรรมจริยธรรมเดิม มาผสมผสานกับวิชาเพศศึกษา โดยเปิดทางให้ครูออกแบบชั่วโมงสอนสลับกันได้ตามความเหมาะสม บางคาบเป็นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม บางคาบให้เรียนเพศศึกษา ซึ่งแม้จะมีประเด็นต่างกัน แต่นำไปใช้สู่ปลายทางเดียวกันที่ช่วยพัฒนาทักษะชีวิตให้พวกเขานำไปใช้ได้จริง
“คล้ายๆ กับการนั่งฟังความคิดของเด็ก เป็นการฝึกให้เด็กสะท้อนมุมกลับว่า สัปดาห์นี้ทำอะไรดีบ้าง ผิดพลาดอะไรบ้าง และพอเราแทรกเพศศึกษาเข้าไป ก็ไม่ทำให้ส่วนอื่นสะเทือน เพศศึกษาก็อยู่ในประเภทเดียวกับวิชาคุณธรรมจริยธรรม คือเด็กจะได้รับการฝึกคิด ฝึกแยกแยะว่าอะไรคือ “ถูก”ในด้านเพศศึกษา การกระทำไหนไม่ควรทำ สิ่งไหนควรคิด พฤติกรรมไหนควรปฏิบัติในช่วงใด”
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กล่าวมา จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่โรงเรียนประชาพัฒนา ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในโรงเรียนต้นแบบเพศศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม และขณะนี้ยังมีแผนการขยายผลสู่พ่อแม่ โดยให้นโยบายกับครูที่ปรึกษาในช่วงออกเยี่ยมบ้านให้คัดเลือกผู้ปกครองที่มนุษยสัมพันธ์ดีรวมถึงผู้ปกครองของเด็กที่อาจจะมีปมบางอย่างกับสมาชิกในครอบครัวมาเป็นผู้นำกลุ่มทำงานเชิงรุกร่วมกับโรงเรียน โดยผอ.เชื่อว่าแม้ครอบครัวจะมีปัญหาบ้างก็ไม่เป็นไร เพียงเราอบรมให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ปกครองในเรื่องการดูแลวัยรุ่น เช่น อารมณ์และความต้องการของเด็กในแต่ละช่วงวัย การแสดงออกด้านความรักและการ เอาใจใส่ที่เหมาะสม ผ่านสื่อภาษาพื้นบ้านที่เข้าใจง่าย จะเป็นการร่วมด้วยช่วยกันระหว่างบ้านกับโรงเรียนในการประคับประคองเด็กให้ผ่านพ้นวัยนี้ได้อย่างปลอดภัย
สีหน้าอาบรอยยิ้มของผอ.ขณะทักทายเด็กๆ ที่เดินผ่านไปมานอกห้องโรงเรียน เป็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงในใจที่เปิดกว้างขึ้น และท่านยังย้ำเสมอกับครูทุกๆ คนว่า เด็กวัยนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมใดก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน วิชาเพศศึกษารอบด้านจะช่วยให้ครูกับนักเรียนเข้าใจกันมากขึ้น ลูกของครูเองก็คงอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน น่าจะนำไปใช้ได้ด้วย จึงมั่นใจว่าครูทุกคนที่ได้ผ่านการอบรมแล้วคงรู้สึกเหมือนกับผอ.ในวันนี้
“มีครูแนะแนวมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อน เวลาเข้าห้องต้องดุเด็กก่อนเลย แต่พอได้อบรมเรื่องเพศศึกษา ครูเปลี่ยนมาถามเด็กก่อนว่า ทำไมเธอถึงแต่งตัวอย่างนี้ วันนี้ใครมีปัญหาอะไรบ้าง ครูเริ่มรับฟังเด็กมากขึ้น ส่วนตัวผอ.เองจากที่เคยเป็นยักษ์เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกับเด็กๆ มากขึ้นด้วย”