ความคิดเห็นที่ 19
ลูกชายอยู่ ม.2 อาทิตย์ที่ผ่านมาชกต่อยกับพี่ ม.3 พ่อกับแม่รู้มาจึงถามลูกแต่สุดท้ายกลายเป็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันซะ อาทิตย์ต่อมาครูเรียกไปถามเพราะรู้จากเพื่อนว่ามีแฟน ครูให้เลิกคบกันฝ่ายหญิงร้องไห้ตัวเขาเองบอกว่าไม่มีอะไรเรื่องชกต่อยเป็นเรื่องของลูกผู้ชายและก็จบไปแล้ว แต่ทำไมให้เลิกคบด้วยทั้ง ๆ ที่เวลามีงานอะไรก็ช่วยกันให้คำแนะนำการเรียนก็ดีขึ้น ไม่มีอะไรกัน (แม่ไปรับ ไปส่งเองที่โรงเรียน)... ดีที่เขาเปิดเผยมีอะไรก็เล่าให้ฟัง ก็ได้อบรมไป แต่ก็ยังต้องกังวล ต้องทำใจมากหากมีลูกชาย และเวลาก็จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
น้อยนึง (2 กันยายน 2554 เวลา 12:31:33)
ความคิดเห็นที่ 18
วัยกำลังโตก็อย่างนี้ละครับ
zxcvbnm (27 กรกฎาคม 2554 เวลา 12:51:56)
ความคิดเห็นที่ 17
เห็นใจคนที่เป็นพ่อ แม่ เด็ก ม. 2 ทุกคน ทั่วประเทศ จากประสบการณ์ เด็กวัยนี้ จะเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ จะนึกถึงความคิดของตัวเองเป็นสำคัญ รักเพื่อน ห่วงเพื่อนเสมอ เพื่อนดีก็ดีตาม เพื่อนแย่ พ่อแม่ก็แย่ด้วย ขอแนะนำว่า พ่อแม่ต้องปรับพฤติกรรมตนเองใหม่ ต้องเตรียมตัวเป็นเพื่อนให้มากกว่าการเป็นผู้ปกครอง ต้องฟังมากกว่าพูด ต้องใช้ความอดทนสูงมาก ๆ ทนให้เหมือนพระอริยสงฆ์ นิ่งที่สุด และสังเกตุให้มาก เก็บข้อมูลของเขาทุกเรื่อง เมื่อเขามีปัญหาเราจะได้แสดงความสามารถในการให้ความช่วยเหลือ เขาจะยอมรับเรามากขึ้น พร้อมเสมอที่จะพบปัญหาและเผชิญหน้ากับปัญหาร่วมกับเขาทุกปัญหา แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อเขาอยู่ ม. 2 เทอมปลาย ทุกอย่างจะกลับเข้าที่ เขาจะเป็นคนดีของสังคม ขอเอาใจช่วยทุก ๆ ท่าน รวมถึงประเทศไทยด้วย
ครูเก่า (28 มิถุนายน 2554 เวลา 00:46:41)
ความคิดเห็นที่ 16
สามีเดี๊ยนก็ไม่อยู่ติดบ้านเหมียนกัน
สาวไฮโซ (19 เมษายน 2554 เวลา 22:41:55)
ความคิดเห็นที่ 14
ผม ว่าอยู่ไม่ติดบ้าน ดีอย่างไม่ดีอย่าง ถ้าเค้าออกไปทำอะไรไม่ดีก็คงต้อง พูดคุย สืบไปดู แต่การอยู่บ้านตลอดก็ไม่ดี ผู้ปกครอง ต้องปล่อยเขาบ้าง บางที ถ้าเขามี"ความรับผิดชอบ" มันอาจพูดง่าย แต่ผมเชื่อว่าเด็กหลายคนอาจยังทำไม่ได้ ถ้ามีแล้ว ทุกอย่างก็ไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ
เด็กคนหนึ่ง (25 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15:08:03)
ความคิดเห็นที่ 13
ตอนนี้ก็อยู่ ม .2 เหมือนกันผมก็เป็นแบบนี้แหละ ก็รู้ว่าห่วงแต่เราก็ไม่กล้าเปิดใจคุย
จะบอกว่าอยู่บ้านน่าเบื่อมีแต่คนบ่นก็พูดไม่ได้ - -*
ตรงใจ (30 มกราคม 2554 เวลา 19:01:45)
ความคิดเห็นที่ 12
เวลาคุยกับลูกให้พยายามเปิดใจคุยกันอย่าไปคาดครั้นเขามากเพราะเด็กเมื่อโดนเซ้าซี้จะหงุดหงิด หรือหาเวลาว่างทำกิจกรรมกันดูแลเขาโดยให้เขามีความรู้สึกว่าถ้าเขาจะทำอะไรก็ต้องแคร์ความรู้สึกพ่อแม่ อย่าเลี้ยงลูกด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต้องให้เขาเห็นค่าของทุกส่งที่ได้มาเขาจะมีความภาคภูมิใจและรักมัน เลี้ยงเขาให้เหมือนกับพ่อ กับแม่ กับเพื่อน หรือกับใครก็ไดที่เขารู้สึกว่าเราจะไม่วุ่นวายกับเขาแล้วเมื่อมีปัญหาเขาจะปรึกษาเราเอง ส่วนเรื่องเที่ยวขอให้เขารู้จักเวลาโดยการกำหนด และพยายามอย่าให้เขาไปค้างที่ไหน แล้วเมื่อเขาผ่านช่วงนี้ไปเขาจะรู้สึกเอง
ผู้ปกครองคนหนึ่ง (15 ตุลาคม 2553 เวลา 20:44:41)
ความคิดเห็นที่ 11
ไม่ต้องคิดมากนะคะ ดิฉันก็มีลูกเรียนอยู่ ม. 2 เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ติดเพื่อน ชอบอยู่บ้านแต่มีข้อเสียเหมือนกันค่ะ
คือติดคอมพิวเตอร์ และเวลาพูดคุยด้วยก็หงุดหงิดเป็นบางครั้ง ตามประสาวัยรุ่น (พยายามเข้าใจและใจเย็นพูดคุยกับเขาค่ะ) แต่ก่อนช่วงที่เขาเรียนระดับชั้นประถม พูดเพราะไม่หงุดหงิด น่ารักมากค่ะ พ่อ-แม่ต้องเข้าใจกลุ่มของวัยรุ่นให้มากที่สุดค่ะ เลี้ยงแบบไม่หย่อนหรือตึงเกินไปดีที่สุดค่ะ
umgist (4 ตุลาคม 2553 เวลา 17:53:50)
ความคิดเห็นที่ 10
ผิง (3 ตุลาคม 2553 เวลา 10:00:49)
ความคิดเห็นที่ 9
หนูก็อยู่ม.2เหมือนกันค่ะหนูก็ไปเที่ยวกับเพื่อนทุกวันแต่ก็ไม่ได้ติดเพื่อนมากขนาดนั้นค่ะเด็กที่เรื่มโตก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น
ผู้หวังดี (11 สิงหาคม 2553 เวลา 21:18:04)
ความคิดเห็นที่ 8
หนุก็ม.2 นะคะ
แต่ไม่ได้ติดเพื่อนอ่ะค่ะ
เพื่อนชวนไปเท่ยวหลังเลิกเรียนก็ยังไม่ไปเลย
บ้านเราสบายที่สุดแล้วค่ะ
ลองทำให้ที่บ้านเป็นบรรยากาศสบายๆสิคะ
ไม่บังคับอะไรมากมายค่ะ
เด็กม.2 (27 กรกฎาคม 2553 เวลา 15:47:37)
ความคิดเห็นที่ 7
วัยกำลังจะเร่ิมรู้เห็นทดลองอยากรู้อยากลอง
สาว SK (14 กรกฎาคม 2553 เวลา 15:58:06)
ความคิดเห็นที่ 6
เห็นใจมากครับ แต่ขออนุญาติแชร์ความเห็นนะครับว่า ในบางครั้ง ทางคุณผู้ปกครองปวดสมอง ลองตั้งหลักใหม่ถ้าหากถามไปแล้วก็ไม่ได้ผล ก็ให้ลองทำการจัดกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เช่น งานวันเกิดลูก หรืองานสังสรรค์อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องใหญ่โตมาก (แบบว่าทำกินกันเองแบบ ชิลด์ ชิลด์นะครับ) และให้ลูกทำการชวนเพื่อนๆกลุ่มของเค้ามาที่บ้านให้มาร่วมงานกันทำอะไรกินกันเล่นๆ และทางคุณผู้ปกครองก็คุยกับเพื่อนๆเค้า และสังเกตุพฤติกรรมดูจะได้ทราบว่าเพื่อนเค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง (แต่ห้ามไปดุ, เตือน, หรือแม้แต่แนะนำเพื่อนเค้านะครับ) แล้วค่อยหาวิธีในการปรับพฤติกรรมลูกของท่านที่หลัง
พ่อมือใหม่ (10 มิถุนายน 2553 เวลา 11:40:17)
ความคิดเห็นที่ 5
yok (22 มีนาคม 2553 เวลา 21:52:12)
ความคิดเห็นที่ 4
มีปัญหาหนึ่ง ม.2 ชาย และหญิง พบเห็นในทำนองชู้สาว เรียกมาพูดคุย ก็ยอมรับว่ามีอะไรกันแล้ว ผู้ชายก็บอกว่ามีการป้องกัน ถามไปพ่อ แม่ เขาก็บอกรับทราบแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะจิตใจไปทางด้านนั้นแล้ว คือ มีความรัก แต่ความรักของเด็กมันส่อไปในทางอนาคตไม่สดใส นี่คือปัญหาสังคม ที่ต้องนำมาให้เห็นชัด ทำไมเราไม่ไปป้องกัที่ต้นเหตุ เช่นละครที่ออกอากาศ แต่ละเรื่อง ก็เจาะจง ให้มีความรัก ส่อไปเรียมกาม ตัวละครอีกก้ต้องใสชุดโชว์เต้า .ทำไมเรจึงไม่ห้าม สุดท้ายลงที่โรงเรียน นักเรียนผู้หญิงคิดใหม่ต้องไปจีบผู้ชาย แต่งหน้าทาปาก ผู้ชายอีกก็ไม่ตั้งใจเรียน จ้องแต่ว่าผู้หญิงจะนัดมาเมื่อไหร่ โรงเรียนมีมาตรการ ก็แก้ปัญหาไม่ได้เพราะสังคมรอบๆจ้องแต่ทำลายเยาวชน ก้าวย่างอย่างเข้าใจ ช่วยลงให้ถึงสังคม ..ผู้ปกครอง .. อย่างน้อยเขาได้ทราบ..และได้ทำใจ..ตีแผ่ เฉพาะที่มันไม่ดี ขอโทษเด็กดีมีเหมือนกัน
ป่าพะยอม (19 กันยายน 2552 เวลา 19 19:53)
ความคิดเห็นที่ 3
จริง ๆ แล้วพ่อแม่ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นห่วงลูกๆกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นลูกผู้หญิงก็ยิ่งห่วง ลูกผู้ชายก็กังวล การเลี้ยงดู
เอาใจใส่ เป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ก็ควรทำในลักษIะที่พอเหมาะ ไม่ให้เค้าอึดอัดหรือรู้สึกว่าถูกควบคุม ให้เค้าคิดว่าเราก็เปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่งที่สามารถจะพูดคุยในลักษณะของเพื่อนได้ " สำหรับตัวเองแล้วจะบอกกับลูก ๆ เสมอว่า
แม่ก็เป็นแม่ในส่วนของแม่ แต่ก็สามารถเป็นเพื่อนได้ในคราวเดียวกัน จะทำอะไรแม่ไม่เคยว่าแต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของความพอดี และสิ่งสำคัญ คือหนูอย่าโกหกแม่นะลูก "
ความคิดเห็นที่ 2
พ่อแม่เป็นห่วงเหมือนกันทุกคน หาโอกาสพูดคุยกับเพื่อน ๆของลูก โดยให้ลูกชวนมาที่บ้านเราบ้าง ให้ทำกิจกรรมที่เขาพอใจและเราก็ดูเขาห่าง ๆ ก่อน จากนั้นหาโอกาสร่วมสนทนา ให้ความไว้วางใจกับเพื่อน ๆของลูก เขาจะรู้ว่าเราหว่งใย ลองดูนะ
ความคิดเห็นที่ 1
จะเห็นว่าพ่อแม่ของลูก ๆ วัยนี้จะมีอาการไม่ต่างกันเลย เฉกเช่นข้าพเจ้าได้พบมา แต่เชื่อเถอะทุกท่านทำได้และทำได้ดีที่สุด คือทำใจ ทำใจเย็น ๆ รอให้เขาได้มีโอกาสปรับตัวเข้ากับความต้องการของเรา เข้าใจความต้องการของลูกวัยรุ่นลองพบกันครึ่งทางดูสิ แล้เราจะไม่ปวดหัวอีกเลย
ความคิดเห็น